ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา
ตลาดน้ำที่ไหนๆ ก็ติดตลาดกันแต่ตอนเช้าทั้งนั้น แต่ที่ตลาดน้ำอัมพวาเขา เรียกว่าเป็น "ตลาดน้ำยามเย็น" ที่เริ่มติดตลาดเอาตอนบ่ายสามโมงไปยันค่ำ นอกจากจะมีอาหารสารพัดให้เลือกชิมแล้ว ยังมีบรรยากาศห้องแถวเรือนไม้สองฟากคลองของเก่าแก่ ให้ได้ย้อนอดีตกลับไปชื่นชมกันด้วย
อาหาร การกินมากมาย เช่น ขนมจีน ขนมเบื้องญวน กระเพาะปลา ข้าวยำปักษ์ใต้กับสลัดผลไม้ หมึกเผา กุ้งเผา ก๋วยเตี๋ยวหมู หอยทอด ก๋วยจั้บ ขนมไส่ใส้ และที่สำคัญแม่ค้าพ่อค้าจะพายเรือมาจอดให้คุณเกาะตลิ่งสั่งขึ้นมาชิมกัน นอกจากเรืออาหารในคลองแล้ว สองข้างทางทั้งสองฝั่งสะพานยังมีร้านให้เดินเลือกชมกันอีกเพียบ และมีกิจกรรมล่องเรือไปชมหิ่งห้อย
เดิมบริเวณพื้นที่ตำบลอัมพวา รวมถึงคลองอัมพวา ถูกเรียกว่า "แขวงบางช้าง" หรือ "สวนนอก" แต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าจัดตั้งขึ้นเมื่อใด ด้วยลักษณะเป็นชุมชนเล็กๆ แต่มีความเจริญทั้งในการเกษตรและการพาณิชยกรรม ในสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา อัมพวาหรือในชื่อเดิมคือ แขวงบางช้าง ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศในสมัยนั้น และด้วยมีเส้นทาง สัญจรที่สะดวกที่สุดคือการคมนาคมทางน้ำ ทำให้บ้านเรือนที่สร้างขึ้นหันหน้า เข้าหาคลองเพื่อความสะดวกในการอุปโภคบริโภค
ที่ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดเก่าแก่ เมื่อสัก 50-60 ปีก่อนที่นี่ถือเป็นตลาดนัดทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในสมุทรสงครามเลย แต่ก็เหมือนกันที่อื่นๆ ก็คือพอถนนหนทางสะดวกมากขึ้น ตลาดการค้าก็ย้ายไปอยู่ริมถนนกันหมด แต่ชาวอัมพวายังคงอนุรักษ์รูปแบบการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนไว้อย่างค่อนข้าง สมบูรณ์ จนมาได้รับรางวัลชุมชนอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2545 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ หากใครยังติดใจบรรยากาศคึกคักกับตลาดริมน้ำ หรืออยากจะสัมผัสความเงียบสงบในแบบบ้านพักริมน้ำที่นี่ก็ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้รองรับสำหรับผู้มาเยือน เปิดให้พักกันหลายแห่ง สามารถเที่ยวชมบรรยากาศและชิมอาหารอร่อยที่ตลาดน้ำอัมพวา โดยจะมีเฉพาะ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
snow
วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้แนวทางการดำรงชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา[1][2] และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ[3]
เศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทต่อการกำหนดอุดมการณ์การพัฒนาของประเทศ โดยปัญญาชนในสังคมไทยหลายท่านได้ร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี, ศ.เสน่ห์ จามริก, ศ.อภิชัย พันธเสน, และศ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา โดยเชื่อมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งเคยถูกเสนอมาก่อนหน้าโดยองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวนหนึ่งนับตั้งแต่พุทธทศวรรษ 2520 และได้ช่วยให้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคมไทย
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาอื่น ๆ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9[3][4] และได้จัดทำเป็นบทความเรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" และได้นำความกราบบังคลทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2542 โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทานและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูเป็นอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ[5] และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน[6] โดยมีนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกัน บางสื่อได้มีการตั้งคำถามถึงการยกย่องขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งความน่าเชื่อถือของรายงานศึกษาและท่าทีขององค์การ
กำเนิดอาเซียน
กำเนิดอาเซียน
อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งได้มีการลงนามที่วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ซึ่งผู้แทนทั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วยนายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย) ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย) นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์) นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศสิงค์โปร์) และพันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย)
ในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม (เป็นสมาชิกเมื่อ 8 ม.ค.2527) เวียดนาม (วันที่ 28 ก.ค. 2538) สปป.ลาว พม่า (วันที่ 23 ก.ค. 2540) และ กัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกล่าสุด (วันที่ 30 เม.ย. 2542) ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ
วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน คือ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก
วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555
อัพเดทข่าวล่าสุด เกี่ยวกับ Ipad
อัพเดทราคา iPad 2 ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) ในไทย ณ วันที่ 1 กันยายน 2555
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPad รุ่นใหม่ แห่งปี 2012 ซึ่งมีชื่อว่า The new iPad (iPad 3) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือเวลาประมาณ ตีหนึ่ง ตามเวลาในประเทศไทย
โดยการออกแบบของ The new iPad (iPad 3) นั้น มีหน้าตาคล้ายกับ ไอแพด 2 (iPad 2) ครับ ซึ่งมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 9.7 นิ้ว แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนสเปคภายในให้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือ The new iPad (iPad 3) ใช้หน้าจอแบบ Retina Display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ซึ่งมีความละเอียดกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ข้างละ 2 เท่าเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ ระบบประมวลผลภาพหรือ GPU นั้น ยังเป็นแบบ Quad-core Processor ซึ่งตอบรับการเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วน RAM ของ The new iPad (iPad 3) นั้น เพิ่มขึ้นเป็น 1GB ครับ
นอกจากนี้ สำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูป The new iPad (iPad 3) ยังได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปให้ดีขึ้น โดยเพิ่มความละเอียดจาก 0.7 ล้านพิกเซล ใน ไอแพด 2 (iPad 2) มาเป็น 5 ล้านพิกเซลแล้ว โดยเซนเซอร์ที่ใช้นั้น เป็นแบบเดียวกับที่ใช้บน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) นั่นเอง
The new iPad (iPad 3) จะเปิดจำหน่ายในวันแรก คือวันศุกร์ที่ 16 มีนาคมนี้ ใน 10 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย และวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ในอีก 26 ประเทศ ส่วนการจำหน่าย The new iPad (iPad 3) นั้น ล่าสุด Apple ได้ประกาศออกมาแล้วว่า ในวันศุกร์ที่ 27 เมษายนนี้ จะเปิดจำหน่าย The new iPad (iPad 3) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมกับอีก 8 ประเทศที่เหลือครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)